วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พื้นฐานของเทคโนโลยี Grid Computing

พื้นฐานของเทคโนโลยี Grid Computing กริด(Grid): มีความหมายแรก คือ ตารางหรือตะแกรงหรือตาข่าย เรารู้จักกันดี เช่น ตาราง Excell ตาข่ายร่างแห ตารางหมากรุก ตารางหมากฮอร์ส โดยถ้าพิจารณา 2 ตารางหลังนี้ จะมีอุปกรณ์การเล่น(ถือว่าเป็นทรัพยากร)และมีวิธีการเล่น(process)ต่างกัน ซึ่งตารางหมากรุก และตารางหมากฮอร์ส จะมีเส้นทางการเดินทรัพยากร หรือเรียกว่าเส้นทางเดินหมากที่เชื่อมโยงติดต่อถึงกันระหว่างจุดต่อจุดรวมกันเป็น เครือข่ายหรือตาข่ายแต่ละจุดหรือช่อง(cell)ของตารางใดๆ จะกำหนดให้เป็นหนึ่งแฟลตฟอร์ม ถ้าจะบังคับทางเดินทรัพยากรหรือเดินหมากไปมา(distribute)ระหว่างแฟลตฟอร์มก็จะมีวิธีการเดินตาม process ที่ได้กำหนดไว้ สามารถกำหนดการเดินหมากให้กระโดดจากแฟลตฟอร์มหนึ่งไปยังอีกแฟลตฟอร์มหนึ่งที่อยู่ห่างไกลได้ ซึ่งผู้เล่นหรือ user หรือ End User จะต้องเรียนรู้ และเข้าใจวิธีการ(Process)

กริด(Grid): มีบัญญัติความหมายไว้อีกอย่างว่า คือระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้า ซึ่งลักษณะที่เราเห็นก็คือหากผู้ใช้(user) ต้องการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆ เช่น ตู้เย็น ทีวี ก็เพียงแค่เราเสียปลั๊กของอุปกรณ์นั้นเข้ากับเต้าเสียบที่ตำแหน่งต่างๆ ตามกำหนดไว้ในบ้านเรือนอุปกรณ์ไฟฟ้าก็จะได้รับพลังงานจากกระแสไฟฟ้านั้น เพื่อเปลียนแปลงรูปแบบให้ผู้ใช้ได้บริโภคตามวัตถุประสงค์ โดยทุกๆ ครัวเรือน สามารถใช้กระแสไฟฟ้าจากแหล่งทรัพยากรเดียวกันได้ คือจากแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า เช่น เขื่อน หรือโรงผลิตไฟฟ้านั่นเอง

คลัสเตอร์(Cluster): มีความหมายกลางๆ ว่า เป็นกลุ่มคนหรือกลุ่มสิ่งของที่อยู่รวมกันเป็นกระจุกหรือหนาแน่น อยู่บนขอบเขตพื้นที่จำกัดในแฟลตฟอร์มเดียวกัน จะติดต่อเชื่อมโยงหรือประสานงานทรัพยากรทำงานร่วมกันได้เฉพาะในแฟลตฟอร์มเดียวกัน หรือสถานที่เดียวกันเท่านั้น เช่น การนำคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่อง(แต่ละเครื่องอาจจะมี CPU มากกว่า 2 ตัวขึ้นไป) ที่ไม่ถูกใช้งานบางช่วงเวลาหรือไม่ได้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่มาต่อรวมกันให้ทำงานตามวัตถุประประสงค์ของมหาวิทายลัยหนึ่งๆ ก็ถือว่าเป็น Cluste rหนึ่งของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เป็นต้น

คอมพิวติ้ง(Computing): มีความหมายว่า คือการคำนวณ หรือการประมวลผล ถ้ามองทางด้านวิทยาศาสตร์กายภาพ จะเป็นการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำการประมวลผล โปรแกรมที่รับเข้าไปซึ่งเข้าใจกันดีว่าเป็นการประมวลผลข้อมูลคอมพิวเตอร์นั่นเอง

กริดคอมพิวติ้ง(Grid Computing) : เป็นเทคโนโลยี(Grid Technology) หรือนวัตกรรม(Innovation) ที่ได้ผ่านการวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ระบบทำการคำนวณหรือ ประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน ด้วยสมรรถนะสูง โดยได้จัดเอาทรัพยากรด้านคำนวณหรือทรัพยากรประมวลผลด้านคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ มาทำการต่อเชื่อมโยงให้ถึงกัน ให้ทำงานร่วมกันเป็นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่เพียงระบบเดียว ในรูปแบบของ Grid เพื่อทำการคำนวณหรือประมวลผลข้อมูลพร้อมกันในเวลาเดียวกัน โอนถ่ายข้อมูลระหว่างกันไม่ว่าทรัพยากรดังกล่าวจะมีลักษณะแตกต่างกัน รุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ไม่ได้ใช้งานบางช่วงเวลา หรือไม่ถูกใช้งาน จะอยู่ใน Cluster เดียวกัน หรืออยู่คนละ Cluster อยู่ในสถานที่คนละแห่งที่ห่างไกลกันแค่ไหน ก็สามารถจะทำการประมวลผลร่วมกันได้ โดยระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ระบบเดียวที่ได้ดังกล่าวนี้จะทำงานเสมือนเป็น ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่เครื่องเดียวที่มีราคาต้นทุนต่ำ ประมวลผลข้อมูลตามแบบของ Grid Computing คือจัดให้ประมวลผลแบบขนาน(Parallel Processing หรือ Parallel Computing)เพื่อให้ทำงานพร้อมกัน หากส่วนใดในระบบขัดข้องหรือไม่ทำงาน ระบบก็ยังทำงานต่อไปได้เพราะมีซอฟต์แวร์กลางพิเศษช่วยจัดการดูแลตรวจสอบสถานะของระบบกริดตลอดเวลา ซึ่งเรียกว่า Middleware

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst)

นักวิเคราะห์ระบบ

• ผู้ที่ทำหน้าที่ศึกษาปัญหาและความต้องการขององค์กรในการกำหนดบุคคล (People) ข้อมูล (Data) การประมวลผล (Process) การสื่อสาร (Communication) และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ว่าจะจัดการหรือปรับปรุงอย่างไรเพื่อสามารถพัฒนาระบบธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้
• บุคคลที่มีหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบ โดยศึกษาปัญหา รวบรวมความต้องการของระบบวิเคราะห์ระบบงานธุรกิจ ตรวจสอบว่าจะนำระบบสารสนเทศมาใช้หรือไม่ หรือควร ปรับปรุงระบบเดิมเขียนข้อกำหนดและรายละเอียด (Specification) ของระบบใหม่ เลือกฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใดที่เหมาะสมกับองค์กร มีการวิเคราะห์ต้นทุนว่าคุ้มกับการ ที่จะลงทุนเปลี่ยนระบบใหม่หรือไม่ หรือมีทางใดที่จะช่วยให้ระบบสามารถสนับสนุน ความต้องการองค์กรได้เป็นอย่างดี

บทบาทหน้าที่ของ นักวิเคราะห์ระบบ (Systems Analyst: SA)
- นักวิเคราะห์ระบบจะเหมือนกับเป็นที่ปรึกษา บุคคลที่จะทำหน้าที่นี้ได้ดีควรเป็นบุคคลในองค์กรเพราะจะรู้ถึงลักษณะขององค์กรได้ดีเนื่องจากจะรู้โดยละเอียดว่า การทำงานในระบบนั้น ๆ เป็นอย่างไร และอะไรคือ ความต้องการของระบบ ถ้าเป็นบุคคลภายนอกองค์กร ถึงแม้จะไม่รู้ละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจได้ดี แต่ก็อาจจะมีมุมมองใหม่ๆที่คนในองค์กรไม่มี และสามารถวิเคราะห์ระบบได้เช่นเดียวกัน โดยการศึกษาสอบถามผู้ใช้และวิธีการอื่น ๆ
- นักวิเคราะห์ระบบจะเหมือนกับเป็นส่วนช่วยสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญต่างๆทำหน้าที่ให้คำแนะนำ ควรมีความรู้ด้าน Hardware, software, network และจะมองเห็นข้อดีข้อเสีย ของระบบได้เป็นอย่างดี
- นักวิเคราะห์ระบบจะเหมือนกับเป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการทำระบบใหม่ จะทำให้การทำงานของผู้ใช้งานบางคนต้องเปลี่ยนไป นักวิเคราะห์ระบบ ก็จะทำหน้าที่เป็นคนที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดี หรือผลทางบวกในองค์กร

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

Misa กีตาร์ดิจิตอลไร้สาย (ตัวจริง)


หลายคนอาจจะเคยรู้จัก หรือแม้แต่เคยสัมผัส "กีตาร์มิดี้" (Midi Guitar) ที่สามารถต่อพ่วงกับซินธีไซเซอร์ หรือคอมพิวเตอร์ที่มีการ์ดเสียง (Sound card) โดยเมื่อจับคอร์ด และดีดสายของกีตาร์ รหัสมิดี้จะถูกส่งไปตามสายสัญญาณ เพื่อเล่นโน้ตเพลงตามคอร์ด ความยาว และระดับความดังของเสียงตามแรงของสายที่สั่น ซึ่งสามารถเลือกเสียงที่เล่นออกมาได้ตามต้องการ แต่สำหรับ Misa กีตาร์ดิจิตอลรุ่นนี้ มันไม่มีสายสักเส้น

Misa Digital Guitar เป็นอุปกรณ์ควบคุมมิดี้ที่ออกแบบให้เหมือนกีตาร์ไฟฟ้า 24 เฟรท และจอสัมผัสขนาดใหญ่ บริเวณที่ใช้ดีดสายกีตาร์ แต่เนื่องจาก Misa ไม่ได้ใช้หลักการดีไซน์กีตาร์แบบเดิมๆ เนื่องจากมันไม่มีสายให้ดีดเลยสักเส้น แต่ใช้การสัมผัสหน้าจอมัลติทัชด้วยนิ้วแทน ส่วนที่เป็นสายบนคอกีตาร์ก็จะใช้เป็นเซ็นเซอร์ที่ทำงานแบบสวิตช์เปิด-ปิด เพื่อให้ระบบสามารถสแกนค่าการกดคอร์ดที่จับด้วยนิ้วต่างๆ ได้นั่นเอง ส่วนการเล่นจะลักษณะคล้ายการใช้นิ้วทั้ง 5 ตบสาย (สัมผัสบนหน้าจอขนาดใหญ่) ตามโน้ตทีต้องการเล่น ซึ่งลักษณะจะคล้่ายกับการเล่นกีตาร์ไฟฟ้าจริงๆ


Misa Digital Guitar ทำงานด้วยเคอเนล (Kernel) ของ Linux 2.6.31 (Gentoo) ในการประมวลผลข้อมูลที่ได้จากการจับคอร์ด และตบสาย เพื่อส่งโค้ดมิดี้เข้าไปยังคอมพิวเตอร์ให้เล่นเสียงโน้ตออกมาตามนั้น

ปล.เราอัพโหลดวิดีโอมาให้ดูไม่ได้อ่า
ใครอยากเหนวิธีเล่นลองดูตามลิ้งค์ดูน้า
http://www.youtube.com/watch?v=M2eiP12hQQY&feature=player_embedded

โชว์ภาพ 3 มิติ แก๊ดเจ็ตใหม่ บัตรประชาชนอนาคต


บริษัทเยอรมนีคิดเด็ด เผยแก๊ดเจ็ตตัวใหม่ บัตรประจำตัวประชาชนแห่งอนาคต แสดงภาพผู้ถือบัตรแบบ 3 มิติ สามารถปรับซูม ใกล้-ไกล เพิ่มความสะดวกในการระบุตัวบุคคล...


แก๊ดเจ็ตใหม่ บัตรประจำตัวประชาชน 3 มิติ เปิดตัวให้ยลโฉมกันครั้งแรกในงาน CES ที่มหานครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเว็บไซต์ coolest-gadgets ระบุว่าบัตรดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทของเยอรมนี ความพิเศษของบัตรดังกล่าว คือการฝังหน้าจอ OLED และมีรหัส RFID ระบุอยู่ภายใน และเมื่อถึงเวลาใช้งาน โดยการวางทาบกับจอแสดงผล จะปรากฏภาพใบหน้าของผู้ถือบัตรแบบ 3 มิติ

นอกจากมองเห็นใบหน้าเป็นแบบ 3 มิติแล้ว ยังสามารถปรับภาพ ใกล้-ไกล ได้ตามต้องการ สามารถอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบ หรือระบุตัวบุคคลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

*น่าสนใจดีนะ ต่อไปเห็นได้ทุกมุมเลย เรื่องปลอมแปลงบัตรคงยากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

เกวียนหุ่นยนต์ลาก

บทความนี้ก็ไม่เกี่ยวกะการวิเคราะห์ระบบโดยตรงอีกแล้วครับ
แต่ บทความนี้ อยากจะสื่อให้เห็นว่าคนเราถ้าใจรัก เรื่องเงินทอง
ที่จะต้องเสียไป รึเรื่องอื่นๆ ก็เป็นเรื่องเล็กครับ



สิ่งประดิษฐ์หน้าเชยนี้ เป็นของชายชาวจีนเมืองใกล้ๆกับปักกิ่ง นามว่า Wu Yulu

ที่พอมองเห็นก็เพียงแต่ว่า มันสามารถขยับขาได้ ลากเกวียนที่มีคนนั่ง 1 คน (2 คนจะไหวมั้ยหว่า?) คงมีมอเตอร์+แบต ติดอยู่ในหุ่นตรงพุง?

ข้อมูลที่เล่าๆ กันในบล็อกต่างๆ บอกไว้ว่า หวู เป็นคนที่ชอบประดิษฐ์หุ่นยนต์ลักษณะนี้มากเลย เงินที่หามาได้ ก็เอามาใช้ประดิษฐ์ของเล่นเหล่านี้ จนสถานะทางการเงินไม่ค่อยจะดีนัก

อันนี้คลิปของเขาครับ


---------------------------------
หากรักจริง เงินทองก็เรื่องเล็ก

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

ภาษาอังกฤษแบบโครงสร้าง (Structured English)

Structured English คือ การนำภาษาอังกฤษมาเขียนเพื่อบ่งบอกรายละเอียดการทำงานของ Process ที่ปรากฎอยู่บน DFD โดยมีรูปแบบการเขียนใกล้เคียงกับไวยากรณ์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม
รูปแบบของการเขียน Structured English จะมีลักษณะคล้ายกับรูปแบบของการเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้าง (Structured Programming) ที่จำแนกมาจากการทำงานของโปรแกรม ซึ่งมี 3 ลักษณะดังนี้
1. แบบตามลำดับ (Sequence)
2. แบบมีเงื่อนไข (Conditional หรือ Decision Stucture)
3. แบบการทำซ้ำ (Iteration หรือ Repetition)
แบบตามลำดับ (Sequence)
การทำงานแบตามลำดับ (Sequence) มีลักษณะการทำงานเป็นไปตามลำดับขั้นตอนหรือกิจ
กรรม ไม่มีการกระโดดข้ามไปทำขั้นตอนหรือกิจกรรมอื่นก่อน ดังนั้นในการเขียนคำอธิบาย Process ด้วยการใช้ Structured English แบบตามลำดับนี้ควรจะมีลักษณะที่เป็นประโยคที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานเดียวอย่างชัดเจน ไม่ควรเป็นประโยครวมที่มีลักษณะเป็นการทำงานซ้อนกันหรือประโยคมีความคลุมเครือ
ตัวอย่างการเขียนแบบตามลำดับ เช่น
Read Record
Calculate Gross Pay = HOURS WORKED*HOUR WAGE
Print Gross Pay
กิจกรรมแรกที่ทำคือ Read Record คืออ่านข้อมูลเข้ามา เพื่อได้ข้อมูลแล้วจึงจะสามารถทำการคำนวณ Gross Pay ได้ และสั่งพิมพ์ค่า Gross Pay เป็นลำดับสุดท้าย
แบบมีเงื่อนไข (Conditional /Decision Structure)
เป็นการทำงานที่มีการกำหนดการกระทำหรือกิจกรรมการทำงานแตกต่างกันไปตามแต่ละเงื่อนไข ถ้าข้อมูลที่เข้าสู่ Process นั้นเป็นไปตามเงื่อนไขใด ให้ทำงานภายใต้สิ่งที่เงื่อนไขนั้นกำหนดไว้ โดยรูปแบบการเขียนคำอธิบาย Process โดยใช้ Structured English แบบมีเงื่อนไข แบ่งออกได้ 2 ลักษณะ ดังนี้
1. If-then-elseเป็นโครงสร้างการเขียนแบบมีเงื่อนไขโดยใช้ประโยค IF-THEN-ELSE มาช่วยในการอธิบาย
ลักษณะการทำงานที่จะเกิดการกระทำกิจกรรม (Action) ใดๆ ที่กำหนดไว้ได้ ก็ต่อเมื่อเงื่อนไขที่ระบุไว้นั้นเป็นจริง แต่ถ้าเงื่อนไขนั้นเป็นเท็จจะต้องกระทำกิจกรรมอื่นที่กำหนดไว้ ภายใต้เงื่อนไขที่เป็นเท็จนั้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
If Accept_Applicant then
Print Accepted Letters
Record Applicant_Data in Applicant_File
Else
Print Reject Letters
End If
หมายเหตุ โครงสร้างของการทำงานแบบมีเงื่อนไขด้วย IF-Then-Else นี้จะมีการกระทำกิจ
กรรมที่เป็นไปได้เพียงสองทางเท่านั้น คือ กระทำกิจกรรมหากเงื่อนไขนั้นเป็นจริง และกระทำกิจกรรมหากเงื่อนไขนั้นเป็นเท็จ
2. CASE
เป็นโครงสร้างการเขียนแบบมีเงื่อนไข ซึ่งจะใช้ในกรณีที่มีการกระทำกิจกรรมที่เป็นไปได้มากกว่าสองทาง โดยใช้คำว่า CASE เพื่อตรวจสอบแต่ละเงื่อนไขที่เป็นไปได้เหล่านั้น ด้วยรูปแบบที่ดูง่ายกว่าการใช้ IF-Then-Else If-Then-Else If-Then-Else ….หลายๆครั้ง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
Select Case Item
Case 1 : if Grade <= 2.00 then
Reject Applicant
Case 2 : if Grade > 2.00 and Grade <= 3.50 then
Print Interview Letters
Case 3 : If Grade > 3.50 then
Print Interview Letters
Record Application_Data
End Select
แบบการทำซ้ำ (Iteation/Repetition)
เป็นโครงสร้างของการเขียนที่มีลักษณะการกระทำกิจกรรมซ้ำไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ลักษณะการทำซ้ำสามารถเขียนคำอธิบาย Process ด้วย Structured English ได้ดังนี้
1. Do-While
เป็นการกระทำกิจกรรภายใต้เงื่อนไขที่เป็นจริงเท่านั้น จึงทำกิจกรรมเหล่านั้นซ้ำ จนกระทั่งเงื่อนไขเป็นเท็จ จึงหยุดประมวลผล ดังตัวอย่าง
Read Employee Record
Do No End-of-File while
Print Employee Recorde
End Do
จากตัวอย่างจะเห็นว่ามีการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนว่าเป็นจริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริง จึงสามารถเข้ามาทำกิจกรรมภายใต้เงื่อนไขซ้ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเงื่อนไขนั้นเป็นเท็จจึงจะไม่ทำกิจกรรมในเงื่อนไข
2. Do-Until
เป็นการกระทำกิจกรรมใดๆ ซ้ำจนกระทั่งเงื่อนไขนั้นเป็นจริง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
Do
Read Employee Record
Print Employee Record
Until End-of-File
จากตัวอย่างจะเห็นว่า มีการกระทำกิจกรรมก่อนอย่างน้อย 1 ครั้ง แล้วจึงมีการตรวจสอบเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ หากเป็นจริงตามเงื่อนไขจึงหยุดกระทำกิจกรรม

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

การวิเคราะห์ระบบ

การวิเคราะห์ระบบและการออกแบบ ( System Analysis and Design)
การวิเคราะห์และออกแบบระบบคือ วิธีการที่ใช้ในการสร้างระบบสารสนเทศขึ้นมาใหม่ในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง หรือระบบย่อยของธุรกิจ นอกจากการสร้างระบบสารสนเทศใหม่แล้ว การวิเคราะห์ระบบช่วยในการแก้ไขระบบสารสนเทศเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นด้วยก็ได้ การวิเคราะห์ระบบคือ การหาความต้องการ ( Requirements) ของระบบสารสนเทศว่าคืออะไร หรือต้องการเพิ่มเติมอะไรเข้ามาในระบบและการออกแบบก็คือ การนำเอาความต้องการของระบบมาเป็นแบบแผนหรือเรียกว่าพิมพ์เขียว ในการสร้างระบบสารสนเทศนั้นให้ใช้ในงานได้จริง ผู้ที่ทำหน้านี้ก็คือ นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ ( System Analysis : SA )

คอมพิวเตอร์เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้สำหรับเก็บรวบรวมและประมวลผลให้กับผู้ใช้โดยให้ประโยชน์ต่อผู้ใช้คือ ความรวดเร็วและความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญต่อการบริหารของธุรกิจในปัจุบันที่มีการแข่งขันสูง ผู้ใช้ ( Users ) จึงเป็นผู้กำหนดปัญหาและแนวทางของระบบงานที่นำมา แก้ไขซึ่งปัญหาแต่ผู้ใช้เองไม่ทราบวิธีจะนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้แก้ปัญหา หรือช่วยเหลือในการบริหาร ในทางตรงกันข้ามโปรแกรมเมอร์ ( programmers)และช่างเทคนิค ( technicians)เป็นผู้ที่สามารถจะใช้เทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์และป้อนคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ต้องการ แต่โปรแกรมเมอร์หรือช่างเทคนิคมักจะไม่เข้าใจถึงระบบธุรกิจมากนัก ดังนั้น ช่องว่างระหว่างนักธุรกิจหรือระบบงานในหน่วยงานต่างๆ กับโปรแกรมเมอร์หรือกับช่างเทคนิคจึงอาจเกิดขึ้นได้
นักวิเคราะห์ระบบจึงทำหน้าที่เป็นผู้สมานช่องว่างนี้ นักวิเคราะห์ระบบเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่จะนำเอาความเข้าใจและเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์มาใช้ ในการพัฒนาระบบงานข้อมูลเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับงานในหน่วยงานต่างๆ

บทบาทของนักวิเคราะห์ระบบ
นักวิเคราะห์ระบบจะเป็นผู้ที่ศึกษาถึงปัญหาและความต้องการของนักธุรกิจ โดยนำเอาปัจจัย 3 ประการ คือ คน ( people ) วิธีการ ( method ) และคอมพิวเตอร์เทคโนโลยี ( computer technology ) ใช้ในการปรับปรุงหรือแก้ปัญหาให้กับนักธุรกิจ
เมื่อได้มีการนำเอาพัฒนาการทางเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์มาใช้ นักวิเคราะห์ระบบจะต้องรับผิดชอบถึงการกำหนดลักษณะของข้อมูล ( data ) ที่จะจัดเก็บเข้าสู่ระบบงานคอมพิวเตอร์ การหมุนเวียน การเปลี่ยนแปลงของข้อมูลและระยะเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้หรือธุรกิจ ( business users )
นักวิเคราะห์ระบบไม่ได้เพียงวิเคราะห์หรือดีไซน์ระบบงานเท่านั้น หากแต่ยังขายบริการทางด้านระบบงานข้อมูล โดยนำเอาประโยชน์จากเทคโนโลยีล่าสุดมาใช้ควบคู่กันไปด้วย
จากบทบาทของนักวิเคราะห์ระบบที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้นักวิเคราะห์ระบบจะต้องมีความรู้ทั้งทางภาคธุรกิจหรือการดำเนินงาน ในหน่วยงานต่างๆ และคอมพิวเตอร์ควบคู่กัน นักวิเคราะห์ระบบโดยส่วนใหญ่สามารถที่จะดีไซน์ระบบงานและเขียนโปรแกรมขึ้นได้ด้วยตัวเอง ส่วนนี้เองกลับทำให้บุคคลภายนอกเกิดความสับสนระหว่างโปรแกรมเมอร์กับนักวิเคราะห์ระบบ

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

BlackBerry !!!

BlackBerry หรือชื่อย่อที่เรียกว่า BB นั้น คือโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่ง ที่มีจุดเด่นในเรื่องของระบบ Push Technology ซึ่งโทรศัพท์มือถือ BlackBerry รับ-ส่งอีเมล์จาก Mail server ถึงเครื่อง BlackBerry อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเปิดโปรแกรม ด้วยเทคโนโลยี Push mail
สามารองรับอีเมล์รองรับได้สูงสุดถึง 10 accounts และจุดเด่นในด้านระบบความปลอดภัยสูงแบบ Triple-Data Encryption Security (TDES) และ Advanced Encryption Security (AES) encription
ดูไฟล์ที่แนบมากับเมล์ได้หลากหลาย เช่น Microsoft® Word, Microsoft® Excel, Microsoft® PowerPoint, Adobe® PDF, Corel® WordPerfect, HTML, ASCII, images, และไฟล์ข้างต้นในรูปแบบของ .zip format
ในบางรุ่นจะมีระบบการสื่อสารระหว่างเครื่องต่อเครื่องโดยที่ไม่ต้องโทรออก (คล้ายกับระบบวิทยุสือสาร)

ทำไม BlackBerry ถึงได้รับความนิยมในเมืองไทย
ก่อนหน้าที่ BlackBery จะได้รับความนิยมนั้น จะเห็นได้ว่า IPhone จะเป็นโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เมื่อสื่อต่างประเทศได้เสนอข่าวของการที่ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน บารัก โอบามา (Barack Obama) นิยมชมชอบในการใช้งาน Blackberry จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า เกือบเสพติด เลยทีเดียว ทำให้คนไทยเริ่มรู้จักคำว่า “BlackBerry” มากขึ้น และเมื่อไม่นาน กระแสของความนิยมชมชอบ BB ก็ลุกลามมายังประเทศไทย แม้ว่าราคาของ BB นั้นจะไม่น้อยก็ตาม แต่ในวงสังคมผู้มีฐานะ เริ่มมีการเปลี่ยนโทรศัพท์มาใช้ BlackBerry มากขึ้นเรื่อย

BlackBerry กับ iPhone จะใช้ตัวไหนดี?
BlackBerry หรือ BB เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้งานระบบอีเมลเป็นหลัก และผู้ใช้งานที่ถนัดในการพิมพ์ข้อความผ่านทางคีย์บอร์ด QWERTY
iPhone เหมาะสำหรับ ผู้ใช้งานที่ชอบลูกเล่น และความหลากหลาย เพราะ iPhone นั้นมีผู้ผลิตโปรแกรมรองรับเป็นจำนวนมาก โดยทางผู้ใช้งานสามารถโหลดผ่าน App store ได้

ที่มา http://www.trend.in.th/blackberry/

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

แอร์การ์ด (AirCard)


แอร์การ์ด คือ อุปกรณ์โมเด็มอย่างหนึ่งที่ใช้เพื่อเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ (Desktop หรือ Laptop) ของเราเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายความเร็วสูง โดยผ่านโครงข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในขณะที่เราเชื่อมต่อ เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตไป แล้วยังสามารถใช้โทรศัพท์โทรเข้า - ออกได้ในเวลาเดียวกัน เพราะระบบมีการใช้ช่องสัญญาณคนละช่องสัญญาณกัน แต่ใช้ Cellsite เดียวกัน หรือทำหน้าที่เป็นแฟ็กซ์ไร้สายได้ด้วย ดังนั้นไม่ว่าเราจะนั่งรถ ลงเรือ หรืออยู่ที่ไหน ขอมีเพียงสัญญาณโทรศัพท์มือถือก็ใช้งานได้ทั้งนั้น

ความแตกต่างระหว่าง AirCard กับ ระบบ Wi-Fi

Wi-Fi คือคุณสมบัติอันหนึ่งที่ทำให้เราเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใดๆ ก็ได้แบบไร้สาย (Wireless LAN) ในระยะห่างไม่เกิน 100 เมตรจากตัวแม่ข่ายของ Wi-Fi นั้นๆ หากไม่มีตัวแม่ข่ายการสื่อสารข้อมูลก็จะทำไม่ได้

AirCard คือ โมเด็มอย่างหนึ่ง ที่ใช้เพื่อเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย โดยใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีการเชื่อมสัญญาณเข้ากับ Cellsite ของเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ทำให้เล่นเน็ตที่ไหนก็ได้ที่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

คุณสมบัติที่ควรมีใน AirCard

1. สามารถรองรับระบบปฏิบัติการได้หลากหลายระบบ เช่น Window Vista, Window XP, Window ME, Window 2000, Windows 7 หรือ Mac OSX ใช้งานโดยเสียบเข้ากับ Port ยูเอสบีได้ หรือไม่ก็ใช้ช่อง Slot PCMCIA ของ Labtop

2. สามารถอัพเกรดเฟิร์มแวร์ได้ โดยใช้งานได้ทั้งกับเครือข่าย UMTS/ EDGE/ GSM

3. สามารถรองรับซิมของระบบโทรศัพท์มือถือบ้านเราได้ทุกค่าย รองรับระบบ 3G 850/1900/2100 และ EDGE Class 12/ GPRS Class 12

4. ควรเลือก AirCard ที่กินไฟน้อย เพราะเหมาะสำหรับการใช้งานกับเครื่องโน้ตบุ๊ค หากเราใช้ Aircard ที่กินไฟมากๆ พลังงานในแบตเตอรี่ของเครื่องก็จะหมดเร็วไปด้วย

5. แอร์การ์ด ชนิด USB จะใช้งานคุ้มค่าที่สุด เนื่องจากจะสามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น PC , Notebook , Mac Book และ ชนิด USB นั้น จะส่งข้อมูลได้รวดเร็วกว่าแอร์การ์ดชนิด Pcmcia และ Express slot

ที่มา http://www.ttaircard.com/

Key Logger ภัยร้ายบนแป้นพิมพ์

Key Logger ภัยร้ายบนแป้นพิมพ์

Key Logger คืออาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ที่รุนแรงมากอย่างหนึ่ง เพราะผู้ไม่หวังดีจะบันทึกการกดแป้นพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ของคุณ ขโมยข้อมูลทุกอย่างที่อยู่บนเครื่อง ตั้งแต่รหัสผ่านอีเมล รหัสถอนเงินผ่าน e-banking รหัสซื้อขายหุ้น และความลับทุกอย่างที่คุณพิมพ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งแฮกเกอร์พวกนี้จะนำข้อมูลของคุณไปเพื่อข่มขู่ แบล็กเมล นำรหัสบัตรเครดิตไปซื้อสินค้า รวมทั้งนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบอื่นๆ ไม่เพียงแต่องค์กรใหญ่เท่านั้นที่จะเป็นเป้าหมายของการโจมตีด้วย Key Logger แม้แต่ตัวคุณเองก็มีสิทธิ์ถูกล้วงข้อมูลได้จากคนใกล้ตัว เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย เจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คุณยืมมา หรือเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตที่คุณไปใช้บริการ เนื่องจาก Key Logger เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ติดตั้งได้ทั้งด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์ ฝังไว้ในแป้นพิมพ์ หรืออาจเป็นซอฟต์แวร์ที่ฝังอยู่ในวินโดวส์ และแพร่กระจายได้พร้อมกับไวรัส ผ่านทางธัมป์ไดรฟ์ ผ่านทางการแชท หรือผ่านทางอีเมลก็ได้ป้องกัน Key Logger ด้วยตัวคุณเอง

· ทุกองค์กรควรป้องกัน Key Logger โดยการให้ความรู้และการอบรมพนักงานผู้ใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อให้เกิดความระแวดระวังและหมั่นตรวจสอบเครื่องของตน คอยเฝ้าดูด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์ คอยเฝ้าดูความผิดปกติหรือสิ่งแปลกปลอมบนแป้นพิมพ์

· เปลี่ยนมาใช้ Notebook PC แทน Desktop PC เพราะแป้นพิมพ์ของโน้ตบุ๊กติดตั้งอุปกรณ์ Key Logger ได้ยากกว่า อีกทั้งยังสามารถพกพาติดตัวไปได้ตลอดเวลา จึงลดโอกาสที่ผู้ไม่หวังดีจะแอบมาติดตั้ง Key Logger บนเครื่องของคุณได้

· ควรเพิ่มมาตรการตรวจสอบรหัสผ่านเพิ่มขึ้นชั้นหนึ่ง แม้โดยปกติเรามีการตรวจสอบด้วย Username และ Password อยู่แล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาทควรมีการตรวจสอบรหัสผ่านโดยใช้ Secure Token, Smart card หรืออุปกรณ์อื่นอีกชั้นหนึ่ง และความมีการเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ เพื่อป้องกันคนร้ายที่ได้รหัสก่อนหน้านี้กลับเข้ามาขโมยข้อมูลได้อีก

· ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส สำหรับ Key Logger แบบซอฟต์แวร์ และป้องกัน Key Logger แบบฮาร์ดแวร์ด้วยการควบคุมการเข้าออกของพนักงาน เพื่อไม่ให้สามารถลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ที่ตัวเครื่องได้

· ควรเพิ่มเมนูแบบ Drop Down เพื่อทดแทนเมนูแบบที่ต้องพิมพ์ หรือใส่ข้อมูลด้วยการคลิกตัวอักษรบนหน้าจอแทนการพิมพ์ ซึ่ง Key Logger จะไม่สามารถดักจับข้อมูลได้

· หรือหากจะป้องกันในระดับ advance ก็สามารถหาซอฟต์แวร์ที่ช่วยตรวจจับ Key Logger มาใช้ ซึ่งสามารถช่วยปิดการติดต่อระหว่าง Key Logger กับคอมพิวเตอร์ และยังช่วยแจ้งเตือนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องให้โดยอันโนมัติด้วย

แม้ฝ่ายไอทีขององค์กรจะมีหน้าที่คอยดูแลและแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ให้แก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ แต่ในความเป็นจริงอาจไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง วิธีที่ดีที่สุดคือ ให้ความรู้พนักงานได้เข้าใจถึงอันตรายและการป้องกันการโจมตีเหล่านี้ เพื่อให้พนักงานสามารถดูแลตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองได้ ผู้ไม่หวังดีก็จะเข้ามาขโมยข้อมูลได้ยากลำบากมากขึ้น

ที่มา http://www.itechnicaljob.com/storymenu.aspx

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

แนะนำโปรแกรม Skype

เพื่อนๆบางคน อาจรู้จักและเคยได้ยินบ้างแล้วกับโปรแกรม Skype

Skype คือ Software สำหรับใช้งานโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต นอกจากบริการคุยโทรศัพท์ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตแล้วยังมีบริการ ส่งไฟล์ข้อมูล Chat ประชุมพร้อมกัน 5 คน และอื่นๆอีกมาก แต่จุดประสงค์ที่แนะนำเพื่อให้ใช้ในการติดต่อโทรศัพท์ทางไกลแบบไม่เสียเงิน เป็นโปรแกรมของประเทศอเมริกา จึงมีแต่ภาษาอังกฤษ แต่ใช้งานง่าย ดีกว่า Windows Messenger และส่งไฟล์ขนาดใหญ่ได้เร็วกว่า e-mail

โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการโทรศัพท์ข้ามประเทศเนื่องจาก การคุยโทรศัพท์ผ่านโปรแกรมนี้จะไม่เสียค่าบริการใดๆ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่มีข้อแม้ว่าถ้าจะโทรฟรีจะต้องสื่อสารผ่านโปรแกรม Skype เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Skype ก็สามารถโทรเข้าโทรศัพท์บ้านทั่วๆไปได้ แถมยังโทรได้ทั่วโลกด้วย มีข้อแม้เพียง เราต้องเสียค่าบริการเท่านั้น (รายละเอียดการบริการต่างๆของSkype ถูกพอตัวเลยละ)

สำหรับผู้เขียน โดยส่วนตัวก็เคยใช้โปรแกรม Skype รู้สึกว่าประสิทธิภาพดีกว่า MSN มาก โดยเฉพาะในเรื่องของเสียง มีความชัดเจน เหมือนคุยโทรศัพท์จริงๆ

หน้าตาของ Skype






------------------------------
เอาไว้คุยกะที่รัก ประหยัดกว่าใช้ ซิมคู่ซะอีก ^^

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

Firewall - ระบบรักษาความปลอดภัยในวันนี้

ถ้าแปลเป็นภาษาไทย จะหมายถึง กำแพงไฟ ซึ่งน่าจะหมายถึงการป้องกันการบุกรุก โดยการสร้างกำแพง อย่างไรก็ตาม ความหมายของ Firewall สามารถอธิบายได้ดังนี้ คือ Firewall เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับป้องกันระบบ Network (เครือข่าย) จากการสื่อสารทั่วไปที่ถูกบุกรุก จากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในระบบ Network หรือระบบเครือข่าย การป้องกันโดยใช้ระบบ Firewall นี้จะเป็นการกำหนดกฏเกณฑ์ในการควบคุมการเข้า-ออก หรือการควบคุมการรับ-ส่งข้อมูล ในระบบเครือข่าย นั่นเอง

คุณสมบัติของ Firewall
ProtectFirewall เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการป้องกัน โดยข้อมูลที่มีการรับหรือส่งผ่านระบบเครือข่าย โดยจะถูกกำหนดเป็นกฏเกณฑ์ หรือ Rule เพื่อใช้บังคับในการสื่อสารภายในเครือข่าย (ข้อมูลที่มีการรับส่งภายใน หรือภายนอกระบบเครือข่าย เราเรียกว่า Package)
Rule Baseข้อกำหนดในการควบคุมการรับ-ส่งข้อมูลภายในระบบเครือข่าย ดังนั้น การติดตั้ง Firewall จะต้องมีการกำหนดกฏเกณฑ์ ในการควบคุมการทำงานในระบบเครือข่าย
Access Controlหมายถึง การควบคุมระดับการเข้าถึง การรับ-ส่งข้อมูล

ทำไมต้องติดตั้ง Firewall
เดิมการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ จะเป็นการใช้งานส่วนบุคคล ดังนั้น ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานจึงมีไม่มากนัก ต่อมาเมื่อระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นที่แพร่หลายมาก ทุกองค์กร ทุกธุรกิจมีการใช้งานอินเตอร์เน็ต อย่างน้อยก็ใช้งาน อีเมล์ในการรับส่งจดหมายอิเล็คทรอนิกส์ ดังนั้น ผลพวงที่ตามมาคือ เกิดผู้ไม่ประสงค์ดี หาวิธีการในการลักลอบเข้าดูในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ เพื่อค้นหาข้อมูล หรือต้องการทดสอบความสามารถของตนเอง ตลอดจน ไวรัสคอมพิวเตอร์ ก็ได้อาศัยช่องทางของเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นช่องทางในการแพร่กระจายไวรัส

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

10 เทคนิคการใช้ internet Explorer

1. การแสดงพื้นที่บน internet Explorer ให้มากที่สุด
ให้กด keyboard F11 เพื่อขยายเต็มหน้าจอ กดอีกครั้งจะเป็นการกลับสู่สภาพเดิม

2. ค้นหาข้อมูลใน web ที่กำลังใช้งาน
เราสามารถ search ข้อมูลใน web ที่กำลังเข้าไปดูอยู่ได้ โดยการกด keyboard Ctrl+F

3. ปุ่มใดแทนคำสั่ง back ได้
ปุ่ม Backspace ใน keyboard สามารถใช้ทดแทนคำสั่ง back เวลา surt net ได้

4. ปิด window ให้เร็วดังใจ
ใช้ปุ่ม Ctrl+W ใน keyboard เพื่อปิด window ที่กำลังใช้งานอยู่ได้

5. ดู address bar ว่าไปที่ไหนมาบ้าง
address bar คือตำแหน่งที่ใช้ในการพิมพ์ url ของ web site ต่าง ๆ เราสามารถดูได้ว่าเคยพิมพ์อะไรไปบ้าง โดยการกดปุ่ม keyboard F4 โปรแกรมจะแสดงรายละเอียดให้ทราบ

6. save URL ให้เร็วที่สุด
คุณสามารถกดปุ่ม keyboard Ctrl+D เพื่อ save ที่อยู่ใน web site ที่คุณดูอยู่ในปัจจุบันได้ (เผื่อคราวหน้าจะได้ เยี่ยมไปแวะชมอีกได้สะดวกไง)

7. ส่ง web ถูกใจไปให้เพื่อน
คุณทราบหรือไม่ว่า web page ต่าง ๆ ที่เราแวะเข้าไป สามารถส่งไปให้เพื่อนดูได้ เพียงแค่เลือกเมนู File เลือก Send และเลือกหัวข้อ Page by Email แค่นี้เพื่อนคุณก็จะได้รับ web ที่มีหน้าตาเหมือนกับที่คุณกำลังดูอยู่

8. เลื่อนดูหน้า web อย่างรวดเร็ว
ปกติเวลาจะดูรายละเอียดของ web page แต่ละหน้า จำเป็นต้องใช้เม้าส์คลิกลาก ขึ้น-ลง ด้านบนสุด หรือล่างสุด ทำให้ไม่สะดวกนักสำหรับผู้ไม่ถนัดในการใช้เมาส์ ลองกดปุ่ม keyboard ที่ชื่อว่า Home หรือ End ดู คงช่วยอะไรคุณได้บ้าง

9. อยาก save ภาพเป็น wallpaper
บางครั้งเราแวะไปเยี่ยมชม web site บางแห่ง แล้วถูกใจในรูปภาพนั้น ๆ และอยากจะนำกลับมาเป็น wallpaper สำหรับโปรแกรม Internet Explorer มีตัวช่วยให้คุณครับ เพียงแค่กด คลิกขวาที่บริเวณภาพ จากนั้นเลือกคำสั่ง Set as wallpaper

10. เลื่อนขึ้น-ลง ทีละนิด
web page บางหน้าอาจมีความยาวมาก การจะเลื่อนหน้าทีละนิดเพื่ออ่านข้อมูล ถ้าจะใช้เมาส์ บางทีอาจไม่สะดวกนัก ลองใช้ keyboard ปุ่มที่ชื่อว่า Page Up หรือ Page Down หรือว่า แค่เคาะ Spacebar ก้อสามารถเลื่อนลงมากดูรายละเอียดของ web นั้นได้สะดวก น่าจะดีกว่าเยอะเลย