วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การผลิตคอนกรีต ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม


คอนกรีตนั้นเป็นวัตถุดิบที่นิยมใช้กันมากที่สุด ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ มานานมากกว่า 2 พันปีแล้ว เพราะนอกจากจะปั้นหรือหล่อเป็นรูปแบบต่างๆ ได้ง่าย คอนกรีตยังมีความแข็งแรงทนทานและยืดหยุ่นได้ดีด้วย

อย่างไรก็ตาม การผลิตคอนกรีตนั้นเป็นกระบวนการที่สร้างผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เวลานี้จึงมีการพยายามคิดหาวิธีผลิตคอนกรีต แบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยที่ไม่ลดคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ด้านอื่นๆ ของคอนกรีต

นั่นคือเสียงของอาจารย์ Christian Meyer หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่บอกเล่าถึงความแข็งแรงทนทานของคอนกรีต ซึ่งชาวโรมันได้นำมาใช้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น วิหาร Pantheon เมื่อราว 2 พันปีที่แล้ว และยังคงยืนหยัดข้ามกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน อาจารย์ Meyer ยังบอกด้วยว่า คอนกรีตนั้นมีราคาถูกกว่าวัสดุก่อสร้างชนิดอื่นๆ และยังสามารถหาซื้อได้ง่าย นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกประเทศทั่วโลก ต่างนิยมใช้คอนกรีตในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน

ในแต่ละปีมีการผลิตคอนกรีตทั่วโลกนับพันๆ ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรปริมาณมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นหิน ดิน หรือทราย และปูนซีเมนต์ อย่างไรก็ตาม กระบวนการผลิตคอนกรีตนั้นสร้างภัยคุกคามสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม นั่นคือ ในการผลิตปูนซีเมนต์จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจก ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนถูกปล่อยออกมาด้วย โดยในการผลิตปูนซีเมนต์ 1 เมตริกตัน หรือ 1 พันกิโลกรัม จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถูกปล่อยออกมาราว 1 เมตริกตัน เช่นกัน โดยจะมาจากการผสมซีเมนต์ และการหลอมรวมสารเคมีต่างๆ ที่เป็นส่วนผสม เช่น หินปูน ดินเหนียว แร่เหล็ก และแร่ธาตุอื่นๆ ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 1500 องศาเซลเซียส ตลอดจนการเผาน้ำมันและถ่านหินเพื่อใช้เป็นพลังงาน เชื่อกันว่ากระบวนการดังกล่าวก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราว 7% ของปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดที่มาจากภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก

อาจารย์ Christian Meyer แนะนำว่า วิธีที่จะช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตคอนกรีตนั้น ก็คือ ลดการใช้ปูนซีเมนต์ แล้วหันไปใช้วัตถุดิบอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติคล้ายปูนซีเมนต์แทน ซึ่งตัวอย่างวัตถุดิบที่รู้จักกันดีก็คือ fly ash หรือขี้เถ้าลอย ซึ่งเป็นอนุภาคขนาดเล็กซึ่งเกิดจากการเผาไหม้อย่างไม่สมบูรณ์ของถ่านหิน หรือเชื้อเพลิงที่เป็นของแข็งอื่นๆ

หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธาของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียผู้นี้ บอกว่า ขี้เถ้าลอยมีคุณสมบัติคล้ายปูนซีเมนต์ สามารถผสมรวมเข้ากับน้ำและซีเมนต์แล้ว ผลิตเป็นคอนกรีตได้ดีกว่าการใช้ปูนซีเมนต์เพียงอย่างเดียว และยังมีราคาถูกกว่าปูนซีเมนต์อีกด้วย คาดว่าในอนาคตอาจมีการวางแผนให้โรงไฟฟ้าต่างๆ ตั้งอยู่ใกล้กับโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ เพื่อที่จะสามารถนำขี้เถ้าลอยซึ่งเป็นของเสียจากโรงไฟฟ้ามาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตปูนได้ทันที และนอกจากขี้เถ้าลอยแล้วยังมีการพัฒนาปูนซีเมนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมแบบอื่นๆ เช่น การผสมอนุภาคไทแทเนียมออกไซด์ ลงในซีเมนต์เพื่อลดมลพิษในอากาศ หรือปูนซีเมนต์สีขาว ที่อาจนำมาย้อมเป็นสีอื่นๆ ใช้แทนสีเทา ช่วยลดมลพิษทางสายตาได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้คือ ความพยายามในการคิดค้นคอนกรีตสีเขียว เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้แก่โลกในปัจจุบัน และอนาคต.

คอมพิวเตอร์ในอนาคต ตอน ซอฟต์แวร์ในอนาคต

Neural Networksโครงข่ายใยประสาทเทียม เป็นการใช้คอมพิวเตอร์คำนวณโดยใช้วิธีเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปนั้น ทำงานต่างจากสมองของมนุษย์ โดยขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่สร้างมาเพื่อแก้ปัญหา โดยต้องนิยามลำดับขั้นตอนของการแก้ปัญหา (algorithm) ไว้ก่อน ซึ่งการทำงานตามโปรแกรมแบบนี้จะใช้หน่วยประมวลผลกลาง ซึ่งต้องมีการทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อน และต้องมีส่วนของหน่วยความจำเพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้ในตำแหน่งเฉพาะ แต่โครงข่ายใยประสาทเทียมนั้นกระจายการประมวลผลออกไปสู่โครงข่ายใยประสาท และประมวลผลแบบขนานคือทำไปพร้อม ๆ กันครั้งเดียว และเก็บสารสนเทศต่าง ๆ ไว้ในไซแนป

ที่ผ่านมานั้น การวิจัยด้านนี้ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์ แต่ปัจจุบัน สามารถสร้างคอมพิวเตอร์เฉพาะเพื่อทำงานด้านนี้ได้ ได้แก่ Neural Network Processor ทำให้สามารถปะมวลผลข้อมูลโครงข่ายใยประสาทเทียมที่ซับซ้อนได้เร็วมาก โดยใช้ความสามารถของระบบหลายหน่วยประมวลผล (multiprocessor) ในการทำงานแบบ Multiple Instruction Multiple Data (MIMD) แต่ละหน่วยประมวลผลของ โครงข่ายใยประสาทสามารถทำงานได้เทียบเท่าหน่วยประสาทเดี่ยว 8000 หน่วย โดยมีการเชื่อมต่อระหว่างหน่วยประสาทเดี่ยวภาายในหน่วยประมวลผลถึง 32,000 เส้น ความสามารถในการประมวลผลโดยการเชื่อมต่อประสาทเดี่ยวต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สุดท้ายออกมา อยู่ที่ 140 ล้านการเชื่อมต่อ/วินาที ฉะนั้นหน่วยประมวลผลโครงข่ายใยประสาท 8 ตัว สามารถสร้างการเชื่อมต่อได้มากกว่าพันล้านครั้ง


Letizia The Computer Avatar
โปรแกรมช่วยค้นหาข้อมูลอัตโนมัติ เลทิเซีย (Letizia) เป็นโปรแกรมแบบ agent ซึ่งมีความสามารถเป็นตัวแทนในการกระทำอัตโนมัติ เป็นตัวช่วยใขณะที่ผู้ใช้ท่องไปในเว็บ โดยติดตามพฤติกรรมการท่องเว็บของผู้ใช้จากโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ แล้วพยายามคาดว่าผู้ใช้มีความสนใจด้านใดเป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เขาเริ่มท่องไปในโลกอินเตอร์เน็ตด้วยการเปิดหน้าแรกของเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับเรื่องทั่ว ๆ ไป เช่น เรื่องปัญญาประดิษฐ์ แล้วเขาสนใจเรื่อง agent และ็เปิดหน้านั้นนานเป็นพิเศษ และเนื่งจากมีเว็บมากมายที่มีคำว่า agent ปรากฏอยู่ เขาจึงอาจใช้โปรแกรมค้นหาข้อมูล (search engine) ค้นหาหน้าที่เกี่ยวกับ agent โดยใส่คำสำคัญ (keyword) ว่า "agent" เท่านี้ โปรแกรมก็จะอ้างได้ว่าผู้ใช้คนนี้สนใจหัวข้อ agent

ต่อมาผู้ใช้ได้เปิดเว็บเพจส่วนบุคคลอันหนึ่ง ซึ่งมีรายการงานเขียน เช่นหนังสือหรือ เอกสารที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารของนักเขียนคนนั้น ผู้ใช้ได้เลือกที่จะเปิดอ่านงานเขียนที่เขาสนใจ โปรแกรมเลทีเซียจะตรวจสอบเว็บนั้นว่างีงานเขียนใดที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง agent ที่ผู้ใช้สนใจหรือไม่ ถ้ามี โปรแกรมก็จะนำเสนอให้กับผู้ใช้ และสามารถอธิบายได้ว่าทำไมจึงเลือกเอกสารนั้น ๆ นำเสนอต่อผู้ใช้

Future User Interfaces
จากการสั่งงานคอมพิวเตอร์การใช้ command line ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขพิมพ์เป็นคำสั่ง ก่อนที่ผู้ใช้จะสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้นั้น ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ (user interface) ต้องถูกกำหนดหน้าที่มาและรูปแบบของคำสั่งที่ระบบคอมพิวเตอร์อนุญาตให้ใช้ได้ หากพิมพ์ไม่ถูกต้อง หรือใส่ข้อมูลผิดพลาดก็จะไม่ทำงานให้ กลายมาเป็นการใช้เมาส์เลือกตำหน่งต่าง ๆ ของจอภาพ การใช้จอสัมผัส การใช้แท่งควบคุมเหล่านี้อาจกลายเป็นอดีตไป เมื่อแนวโน้มการสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานในอนาคตจะเปลี่ยนไปเป็นการสั่งงานแบบธรรมชาติที่มนุษย์ใช้ที่สุด นั่นคือใช้เสียงสั่ง ซึ่งปัจจุบันนี้มีใช้งานจริงแล้ว


The 3D Graphical User Interface
ส่วนนี้ติดต่อกับผู้ใช้สามารถเป็นภาพสามมิติได้ ซึ่งทำให้ดูเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น เช่นในการเปิดร้านขายของออนไลน์ อาจออกแบบร้านเป็นสามมิติด้วยเทคโนโลยี VRML ผู้ซื้อสามารถท่องซื้อของในร้านอย่างเสมือนจริงและสามารถพูดคุยทักทายกับผู้ซื้ออื่น ๆ หมุนดูสินค้าได้อย่างละเอียดทุกมุมก่อนตัดสินใจซื้อ เป็นต้น



Machine Translation
โปรแกรมแปลภาษามีแนวโน้มจะแปลแต่ละภาษาไปหากันและกันให้ได้มากที่สุด โดยวิธีที่ใช้คือ interlingua นั่นคือสร้างภาษากลางที่เป็นศูนย์กลางขึ้นมาหนึ่งภาษา ให้ทุกภาษาสามารถแปลไปกลับกับภาษากลางนี้ได้ โดยภาษากลางนี้มีการแทนข้อมูลที่เป็นความหมายที่เป็นกลาง ไม่ขึ้นต่อกับรูปแบบไวยากร์หรือการแปลของภาษาใด

ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้บริการแปลภาษา 6 ภาษาจากแต่ละภาษาไปหากันได้คือ www.google.com แต่สำหรับภาษาไทย ยังต้องการนักวิจัยระบบแปลภาษาไทยให้มีความถูกต้อง และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาให้แปลได้หลายภาษาขึ้นอีก

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เว็บไซต์แห่งแรกของโลก

เว็บไซต์แห่งแรกของโลกมีชื่อว่า http:info.cern.ch

ปรากฏตัวบนโลกไซเบอร์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1991 สร้างโดย ทิม เบอร์เนอร์ส ลี นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ซึ่งทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์การเพื่อการวิจัยด้านนิวเคลียร์แห่งยุโรป (European Organization for Nuclear Research) หรือ CERN ที่ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 1989 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เบอร์เนอร์ส ลี ได้ไอเดียคิดสร้างเว็บไซต์ หลังจากที่ วินต์ เซิร์ฟ และบ็อบ คาห์น ได้สร้างระบบเครือข่ายเชื่อมต่อที่ใช้ส่งข้อมูลเป็นกลุ่มๆ จากคอมพิวเตอร์ผ่านสายเคเบิลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม "อินเทอร์เน็ต" ได้สำเร็จแล้วก่อนหน้านี้
วัตถุประสงค์ในการสร้างเว็บไซต์ของเบอร์เนอร์ส ลี ก็เพื่อให้ผู้คนสามารถแชร์ข้อมูลต่างๆ ซึ่งมีอยู่เพียงชิ้นเดียวร่วมกันได้โดยอาศัยระบบอินเทอร์เน็ต กล่าวง่ายๆ ก็คือ แทนที่จะต้องส่งข้อมูลที่มีอยู่ในมือไปให้คนอื่นผลัดกันดู เราสามารถนั่งดูข้อมูลดังกล่าวได้ในเวลาพร้อมๆ กันบนเว็บไซต์โดยไม่ต้องอาศัยอยู่ที่เดียวกัน นั่นเอง ปัจจุบันเว็บไซต์ http:info.cern.ch ก็ยังคงมีอยู่ โดยเนื้อหาที่ปรากฏในเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นการบอกเล่าถึงความเป็นมาของการเกิดเว็บไซต์แห่งนี้
ขณะที่ เจ้าของไอเดียสร้างเว็บไซต์อย่าง เบอร์เนอร์ส ลี ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ ฉบับประจำวันที่ 14 มิถุนายน 1999 ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 20 ในฐานะที่เขาเป็นผู้ปลุกให้คนหันมาสนใจโลกแห่งไซเบอร์ในปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


ที่มา http://www.numsai.com/สารสนเทศ/เว็บไซต์แห่งแรกของโลก.html

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความบังเอิญที่น่าสยอง --"

สำหรับบทความข้างล่าง โพสต์เพื่อแสดงให้เห็นว่าการสร้างระบบ information ที่ดีนั้น
ไม่ง่ายเลย
ส่วนบทความนี้ เป็นของแถมครับ ไม่เกี่ยวกะระบบสารสนเทศอะไรหรอก

เรื่องนี้ ได้จากการสำรวจท่อระบายน้ำในเมือง รอลี่ (Raleigh) รัฐนอร์ธแคโรไลน่าประเทศสหรัฐอเมริกา
เจ้าของวีดีโอนี้ คือ บริษัท Malphrus ซึ่งได้รับว่าจ้างจากบริษัท York Properties (เอกชน)
ซึ่งเป็นเจ้าของท่อระบายน้ำในวีดีโอ ให้เข้าไปตรวจสภาพท่อน้ำยุคปี 1949 แล้วภาพวีดีโอนี้ก็ขึ้นมาอยู่บนยูทูบได้ไงไม่ได้บอกไว้

แผนกสิ่งแวดล้อมของเมืองรอลี่ออกมาอธิบายเกี่ยวกับเจ้า ขยับๆแปลกประหลาดนี้ว่า มันเป็นหนอนในไฟลัมแอนเนลิดาบังเอิญว่ามาอยู่ปาร์ตี้กันเป็นกลุ่ม โดยฝังรากลงไปที่ผนังท่อน้ำทิ้ง ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น

โดยทั่วไปหนอนพวกนี้ อาศัยตามดินเลนหรือ ผนัง-ขอบ-มุมทางน้ำเสียในบริเวณที่ค่อนข้างมีมลพิษ

คลิปนี้ค่อนข้างสยองนิดๆ เตรียมใจก่อนดูนะ



------------------------------------
ถ้ามันฟักตัวออกมานี่คง สยองยิ่งกว่านี้ --"

ที่มาการถ่ายทำของกูเกิ้ลสตรีทวิว

เชื่อว่าเพื่อนๆคงเคยใช้ Google maps กันมาแล้ว
ใน Google maps ถ้าเราลองหาสถานที่ในประเทศทางแถบยุโรป
เราจะพบว่ามีภาพสถานที่จริง จุดเด่นๆของสถานที่นั้น
ทำให้เราหลงทางได้ยากขึ้น

ภาพประเภทนี้ คือ กูเกิ้ลสตรีทวิว
กูเกิ้ลสตรีทวิว จะอาศัยนักปั่นจักรยาน บ้างก็ใช้รถยนต์ ติดกล้องวนถ่ายไปรอบเมือง
ดังภาพ


แต่ ก็ได้ยินบ่อยๆว่ามีปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับ การล่วงล้ำข้อมูลส่วนตัวของชาวบ้านไปพอควรเลย --" (อย่างภาพบนสุดเป็นต้น)

มีวีดีโอสาธิตการทำ กูเกิ้ลสตรีทวิวให้ดูด้วย




-----------------------------
ที่โพสต์เรื่องนี้ก็เพราะ วีดีโอสาธิตนี่ละ ^^

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับแก้ปัญหาน่าเบื่อของพีซีที่เจอแสนบ่อย


ค่อนข้างจะสับสนกับคอมพิวเตอร์ไม่น้อย หากจะเจาะลึกลงไปข้างในคอมพิวเตอร์และเครื่องมือที่ จะช่วยเข้าถึงการทำงานและมองทะลุไปถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายในของระบบการทำงานของข้อมูล หรือจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิด วันนี้จะเสนอวิธีใช้งานอุปกรณ์ที่สามารถ หามาใช้งานได้ฟรีแบบไม่เสียตังสักแดง

แก้ปัญหาเครื่องทำงานค้าง

ปัญหา : เมื่อทำการเปิดเครื่อง ทันทีที่ไอคอนบน System tray ปรากฏขึ้นมา เครื่องก็จะทำงาน ช้าและรวน ประมาณ 4 นาที มีแต่เม้าส์เท่านั้นที่ยังเลื่อนได้ และหลังจากนั้นคอมพิวเตอร์ถึงจะกลับมา ใช้ได้ตามปกติ มีวิธีแก้ปัญหาไหมครับ?

ทางแก้ : ปัญหาอยู่ที่ระบบการทำงานนั้นรวน ก็ต้องเริ่มตรวจตามขั้นตอนว่าเกิดจากอะไร เป็นต้นว่ากำลังโหลดข้อมูลอะไรอยู่ หรือโปรแกรมอะไรที่มีผลกระทบต่อการเริ่มทำงานของวินโดวส์ โดยที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ 3 หน่วยที่สำคัญสำหรับระบบวินโดวส์ filemon, Regmon และ process Explorer ทั้งหมดนี้มาจาก Sysinternals.com ของ Microsoft โดยแบ่งหน้าที่ดังนี้

•filemon จะทำการรายงานการเปิด ปิด และการเข้าสู่การใช้งานของไฟล์ และทำการบันทึก เวลาการใช้งานในแต่ละครั้ง เมื่อเกิดปัญหา ให้จับตาดูเฉพาะโปรแกรมที่มีการทำงานค้างไว้ ปกติแล้ว filemon จะรายงานเป็นตัวเลขมากมายมหาศาลเกี่ยวกับข้อมูลที่เปิดและปิด แต่เราก็สามารถจะคัดเฉพาะชื่อไฟล์หรือเอกสารที่ต้องการดูเป็นพิเศษได้
•Regmon ทำหน้าที่รับมือคล้าย ๆ กับ filemon ยกเว้นว่าจะแสดงผลในการเริ่มการทำงาน โดยที่จะดูการเริ่มการใช้งานของโปรแกรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่ง Regmon จะเป็นประโยชน์ มากมายในกรณีที่ต้องการจะสืบค้นหา Spyware หรือ Malware และต้องการที่จะเห็นตำแหน่ง ที่เหล่าวายร้ายเหล่านี้หลบซ่อนทำการอยู่
•Process Explorer คล้ายกับ window Task Manager แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า จะทำการ สืบค้นทุกอย่างที่ดำเนินการอยู่ รวมถึง โปรแกรม เซอร์วิส และแผนผังการทำงาน ทั้ง 3 อุปกรณ์ที่กล่าวมานี้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี บนอินเทอร์เน็ต แต่หากเจอปัญหานี้แล้วเครื่องมือ ทั้ง 3 ก็ยังไม่สามารถสืบค้นถึงต้นตอของปัญหา ให้เข้าไปใน File System Utility ของ XP โดย สามารถอ่านคำแนะนำจาก Microsoft Technet ซึ่งจะมีวิธีการใช้มากมายและเคล็ด ลับการใช้ ประโยชน์จากยูทิลิตี้ชิ้นนี้
ที่มา : นิตยสาร PC World Thailand

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ระวัง (Blog) หมดอายุ "โพสต์นี้ จากบุ๊ค" ฝากมา

ระวัง (Blog) หมดอายุ

อุตส่าห์ส่งคำเชิญแล้วเธอไม่ยอมทำอะไร ระวัง (Blog) หมดอายุ

เดินๆตามเกรด A แล้วเธอก็ทำครึ่งๆกลางๆ ระวัง (Blog) หมดอายุ

อยากเก่งแบบพี่ป๊อดแต่เจอปัญหาเธอก็ป๊อด ระวัง (Blog) หมดอายุ

อยากทำเซอร์ทำฮิต แต่เธอไม่คิดทำอะไร ระวัง (Blog) หมดอายุ

อิสระเป็นของเรา มีอะไรยังค้างไม่สะสางให้จบ ชีวิตมันไม่ยืนยาว (Blog นะ รู้จักอัพบ้าง)

คิดอะไรก็ทำมันก่อนจะสายนั่งรอพรสวรรค์รอไปวันๆไม่ทำอะไร ระวัง (Blog) หมดอายุ

ชีวิตไม่ใช่สิวๆถ้ามัวแต่ชิว ก็ไม่ได้ความ ระวัง (Blog) หมดอายุ

ผิดๆถูกๆกี่ครั้งก็ดีกว่ายังไม่ได้ลอง ระวัง (Blog) หมดอายุ

อยากออกไปเปิดหูเปิดตาแต่มัวอยู่ในกะลา ระวัง (Blog) หมดอายุ

Free your mind Free your soul

เกรด A ไม่เคยรอใคร อย่าปล่อยให้ A ของเราหมดไป ระวัง (Blog) หมดอายุ

ระวัง....ระวัง (Blog) หมดอายุ

โดยบุ๊คคับ

ทำนอง เรียบเรียง โดย พี่โจ้ & กอล์ฟ

คอมพิวเตอร์ในอนาคต ตอน เครือข่ายคอมพิวเตอร์

อย่างที่กอร์ดอน มัวร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทอินเทลกล่าวไว้ว่า "จำนวนของทรานซิสเตอร์ซึ่งบรรจุอยู่บนแผ่นวงจรรวม หรือ ไมโครชิพ นี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ 18 เดือน" คำกล่าวอันสร้างชื่อแก่เขาในฐานะกฎของมัวร์ (Moore's Law) แล้วในอีก 10 ปีข้างหน้าคอมพิวเตอร์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร น่าสนใจใช่ไหมครับ ในบทนี้ผมจะพาสำรวจเทคโนโลยีที่จะนำมาสร้างคอมพิวเตอร์ในอนาคตอันใกล้นี้ รวมทั้งซอฟต์แวร์ของคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในอานาคต ซึ่งเราควรรู้ไว้เพื่อเตรียมตัวใช้งานคอมพิวเตอร์แบบใหม่โดยรู้ทันล่วงหน้าครับ

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในอนาคต

ปัจจุบันนี้ ใครที่ได้อ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์คงจะเคยทราบว่าอินเตอร์เน็ตจะมีบทบาทต่อสังคมมากขึ้นในอนาคต เด็กนักเรียนจะสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ดี ๆ จากทั่วโลกได้ด้วยการใช้อินเตอร์เน็ต การผ่าตัดสามารถทำได้ผ่านโลกไซเบอร์สเปซ การติดต่องานกับราชการต่าง ๆ สามารถทำได้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของแต่ละบ้าน ปล่อยให้การยืนเข้าแถวคอยในการติดต่องานกับข้าราชการซึ่งทำให้เสียเวลากลายเป็นอดีตไป
ด้วยความต้องการเช่นนี้ น่าจะเป็นจริงในอนาคตอันใกล้เนื่องจากมีโครงการใหญ่เกิดขึ้น 2 โครงการเพื่อพัฒนาอินเตอร์เน็ตยุคใหม่ คือโครงการ อินเตอร์เน็ต 2 (Internet2 หรือ I2) และโครงการ NGI (the Next Generation Internet)

โครงการอินเตอร์เน็ต 2 (www.internet2.com)ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาสหรัฐอเมริกา 120 มหาวิทยาลัยพัฒนาเครือข่ายอินเตอร์เน็ตขั้นสูง University Corporation for Advanced Internet Development (UCAID) เพื่อสนับสนุนการศึกษาและการวิจัย. งานในการพัฒนาเครือข่ายนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น การใช้สเปคตรัมของแสงเดินทางผ่านเครือข่ายออพติคัล ในการส่งข้อมูลที่สำคัญไปในสื่อเดียวกับข้อมูลอื่น ๆ ด้วยความถี่ที่สูงและความเร็วของการส่งข้อมูลที่เร็วมากเท่ากับความเร็วแสง จึงทำให้มีการถูกรบกวนน้อยมาก โดยได้มีการสร้างเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 2 นำร่อง ในการให้บริการข้อมูลระหว่างห้องสมุดระหว่างมหาวิทยาลัยเหล่านั้น แต่มีข้อเสียเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้นั้นหายากและราคาแพงเช่น จานดาวเทียม และอิเล็กโตรไมโครสโคป และทำให้รัฐบาลต้องลงทุนในการขุดเจาะวางสายเคเบิลใหม่

ส่วน โครงการ NGI ได้มีเป้าหมายในการดำเนินงาน เพื่อพัฒนาวิจัย พัฒนา และทดลองเทคโนโลยีเครือข่ายขั้นสูง ซึ่งมีความน่าเชื่อถื มีบริการหลากหลาย ความปลอดภัย และมีโปรแกรมการโต้ตอบแบบทันที (realtime) เช่นโปรแกรมการจัดการระยะไกล ระบบการทำงานแบบกระจายข้อมูลให้คอมพิวเตอร์หลายเครื่องในระยะไกลช่วยกันคำนวณ และระบบความคุมการทดลองระยะไกล เป็นต้น เป้าหมายที่ 1 นี้รับผิดชอบโดย DARPA (Defense Advanced Research Projects Agency )

เป้าหมายที่ 2 โครงการ NGI นำโดย องค์กร NFS (National Science Foundations) เพื่อสร้างเครือข่ายอินเตอร์เน็ตยุคใหม่ขึ้น โดยมีพื้นฐานจากโครงการ vBNS โดยคาดหวังว่าเป้าหมายที่ 1 ของโครงการจะบรรลุผลและสามารถเอาชนะข้อจำกัดด้านความเร็วที่มีในการใช้สิวิตซ์ เราเตอร์ เครือข่ายท้องถิ่น และเครื่องแม่ข่ายอย่างสถานีงาน (work station) ได้ สำหรับเป้าหมายที่ 2 เครือข่ายอินเตอร์เน็ตยุคใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยเชื่อมต่อมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และองค์กรร่วมอื่น ๆ รวมกว่า 100 แห่งเข้าด้วยกัน ด้วยความเร็วที่สูงกว่าอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันกว่า 100 เท่า

ครั้งหน้าจะเอา ฮาร์ดแวร์ และซอฟแวร์ ในอนาคตมาฝาก บะบาย

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไอทีสีเขียว ช่วยกันคนละไม้คนละมือ คุณก็ทำได้



ต้องยอมรับว่าเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ นั้น นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงาน
มาก ทั้งยังเพิ่มความร้อนให้กับโลกของเรามากเช่นกัน ในยุคที่คอมพิวเตอร์ครองโลกอยู่ในขณะนี้
ทั้งยังมีแนวโน้มการใช้คอมพิวเตอร์มากขึ้นในอนาคต คนไอทีที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์อยู่เป็นกิจวัตร
สามารถช่วยลดการใช้พลังงานด้วยมือคุณได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เพื่อรักษาโลกสีเขียวของเราให้มีสภาพแวด
ล้อมที่สวยงามต่อไป

•ปิดเมื่อไม่ใช้ นอกจากจะปิดคอมพิวเตอร์ทุกครั้งก่อนกลับบ้านแล้ว การตั้งค่าพักหน้าจอ
เมื่อไม่ใช้งานเป็นเวลานาน หรือตั้ง sleep mode ก็สามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้
อย่างไรก็ดีแม้จะตั้ง sleep mode ไว้แล้ว คอมพิวเตอร์ก็ยังกินไฟมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์
คุณอาจใช้การปิดหน้าจอร่วมด้วยทุกครั้งเวลาไปประชุม หรือตอนพักกลางวัน
•Energy Star ประหยัดพลังงาน หากจะเลือกซื้อหรืออัพเกรดเครื่องคอมพิวเตอร์ พีซี โน้ตบุ๊ก หรือจอมอนิเตอร์ ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ Energy Star หรือ EPEAT (Electronic Product Protection Tool) ซึ่งบ่งบอกระดับความสามารถในการรักษาสิ่งแวดล้อมมีอยู่ 3 ระดับ คือ ทอง เงิน และทองแดง จัดทำโดย Environmental Protection Agency ประเทศสหรัฐ อเมริกา นอกจากนี้ควรเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีฟังก์ชั่นในการประหยัดพลังงาน เช่น การตั้งค่า sleep mode อัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือสามารถถอดอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ไม่จำเป็น ออกได้ ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว
•ปรับอุณหภูมิสูงขึ้นอีกนิด ก็ช่วยโลกได้แล้ว อุณหภูมิภายในห้องดาต้าเซ็นเตอร์ของคุณต่ำเกินไปหรือไม่ ปรับอุณหภูมิดาต้าเซ็นเตอร์ ให้อยู่ระหว่าง 15-30 องศาเซลเซียส โดยความชื้นสัมพัทธ์ควรอยู่ระหว่าง 20-80 เปอร์เซ็นต์ เครื่องคอมเซิร์ฟเวอร์ก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ
•มัลติฟังก์ชั่นช่วยได้ ซื้ออุปกรณ์แบบมัลติฟังก์ชั่น ที่มีทั้งแฟกซ์ สแกนเนอร์ พริ้นเตอร์ และเครื่องถ่ายเอกสารครบในเครื่องเดียว แทนการซื้ออุปกรณ์แบบแยกชิ้น เนื่องจากการใช้อุปกรณ์แบบมัลติฟังก์ชั่นนี้สามารถช่วยในการประหยัดพลังงานได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
•ลดปริมาณการใช้กระดาษอย่างฟุ่มเฟือย ตั้งค่าดีฟอลต์การพิมพ์เอกสาร โดยกำหนด ให้พิมพ์เอกสารครั้งละ 2 หน้า หรือหลีกเลี่ยงการพิมพ์ลงกระดาษ แล้วหันมาส่ง อีเมลหากันแทน ก็จะสามารถลดปริมาณการใช้กระดาษลงได้มาก
•ตลับหมึกรีไซเคิล ประหยัดดีจริง เลือกใช้ตลับหมึกที่สามารถรีไซเคิลได้ หรือนำกลับมา ใช้ใหม่ได้ ช่วยลดปริมาณขยะได้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์
เมื่อคุณได้ประโยชน์จากการใช้คอมพิวเตอร์เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องต่าง ๆ ก็อย่าลืมที่จะคำนึง
ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้คงไม่ยากเกินไปที่จะทำเพื่อช่วยดูแลโลก
ที่คุณอยู่ให้สวยสดงดงามต่อไปด้วยมือคุณเอง